จากการเรียนวิชาเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพผมได้รับความรู้มากมายจากการเรียนวิชานี้เช่น การแต่งกายให้ถูกระเบียบ
การตรงต่อเวลา การมีวินัยต่อตนเอง การทำงานเป็นกลุ่ม การมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมงาน
และในการเรียนแต่ละครั้งก็มีการทำกิจกรรรมของแขนงต่างๆและนักศึกษาก็ได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมด้วย
ในวันปัจฉิมนิเทศ อาจารย์ได้นิมนต์พระอาจารย์สมพงษ์ มาให้ความรู้คำแนะนำที่ดี พระอาจารย์เป็นหนึ่งในคณะ ธรรมะเดลิเวอร์รี่ท่านได้ให้ข้อคิดหลายอย่างดังนี้
1.อดีตผ่านแล้วผ่านไป
2.ความสุขอยู่ที่ตัวเรา ไม่ใช่คนรอบข้าง
3.เราเปลี่ยนแปลงโลกไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนแปลงตัวเราได้
4.รักในงานเป็นสะพานไปสู่ความสำเร็จ
ผมชอบวิทยากรที่มาบรรยายในแขนงการตลาดมากครับ
สิ่งที่ได้รับจากวิชานี้ผมจะนำไปปฏิบัติในทางที่ถูกต้องและนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
ขอบคุณครับ
วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2552
วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2552
DTS05-21-07-2552
สรุปสิ่งที่ได้จากการเรียน Set & String และ Linked lists
การสร้างอะเรย์ของสตริง สามารถทำได้ทั้งแบบที่กำหนดตัวแปรและแบบที่ให้ค่าเริ่มต้น จะสร้างเมื่อสตริงมีจำนวนมาก เพื่อช่วยให้เขียนโปรแกรมได้สะดวกขึ้น
ARAY ของสตริงที่ยาวไม่เท่ากัน ทำได้เฉพาะเมื่อมีการกำหนดค่าเริ่มต้นเท่านั้น
ARAY ของสตริงที่ยาวเท่ากัน ถือว่าเป็นอะเรย์ที่แท้จริง สามารถกำหนดได้ทั้งเมื่อกำหนดตัวแปรและเมื่อมีการให้ค่าเริ่มต้น โดยดำเนินการแบบกำหนดอะเรย์ 2 มิติ
Linked Lists
ลิงค์ลิสต์เป็นการจัดเก็บชุดข้อมูลเชื่อมโยงต่อเนื่องกันไปตามลำดับ ซึ่งอาจอยู่ในลักษณะแบบเชิงเส้นตรง (linear) หรือ ไม่เป็นเส้นตรง (nonlinear) ก็ได้ ซึ่งในลิสต์จะประกอบไปด้วยข้อมูลที่เรียกว่าโหนด (node) ในหนึ่งโหนดจะประกอบด้วยส่วนของข้อมูลที่ต้องการจัดเก็บ เรียกว่าส่วน Info และส่วนที่เป็นพอยน์เตอร์ที่ชี้ไปยังโหนดถัดไป (Link) หรือชี้ไปยังโหนดอื่นๆที่อยู่ในลิสต์ หากไม่มีโหนดที่อยู่ถัดไป ส่วนที่เป็นพอยน์เตอร์หรือ Link จะเก็บค่า NULL หรือ NILL ใช้สัญลักษณ์ ^
การสร้าง Linked list
วิธีสร้าง Linked list คือการนำข้อมูลที่จะจัดเก็บเข้า Linked list เพิ่มตรงโหนดตำแหน่งสุดท้ายของลิสต์ ฉะนั้นจึงต้องมี External พอยน์เตอร์ที่คอยชี้โหนดสุดท้ายของลิสต์ ในที่นี้ใช้ L (Last) ตัวอย่างการสร้าง Linked list จากลิสต์ L = 21 , 5 , 14เริ่มจากการให้ H ชี้ทิ่โหนดตำแหน่งแรก และ L ชี้ทิ่โหนดตำแหน่งสุดท้าย
การลบข้อมูลใน Linked list
การลบข้อมูลที่ต้น list
เนื่องจากขั้นตอนของการลบข้อมูลที่ header นั้นจะมีปัญหาที่ยุ่งยากกว่าเมื่อ design ด้วย oop(java) เราสามารถที่จะแก้ปัญหานี้ได้โดยการใส่ header node ที่ว่าง ๆ ไว้ข้างหน้าของ linked list เพื่อที่จะทำหน้าที่เป็นชี้ว่าเป็นหัวโหนดโดยที่ไม่ต้องมี pointer คอยชี้ที่ header และเมื่อเราต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงข้อมูลใด ๆ บนหัวสามารถที่จะทำได้โดยการแทรก node เข้าไปดังตัวอย่างของการแทรกข้อมูลข้างล่าง
การสร้างอะเรย์ของสตริง สามารถทำได้ทั้งแบบที่กำหนดตัวแปรและแบบที่ให้ค่าเริ่มต้น จะสร้างเมื่อสตริงมีจำนวนมาก เพื่อช่วยให้เขียนโปรแกรมได้สะดวกขึ้น
ARAY ของสตริงที่ยาวไม่เท่ากัน ทำได้เฉพาะเมื่อมีการกำหนดค่าเริ่มต้นเท่านั้น
ARAY ของสตริงที่ยาวเท่ากัน ถือว่าเป็นอะเรย์ที่แท้จริง สามารถกำหนดได้ทั้งเมื่อกำหนดตัวแปรและเมื่อมีการให้ค่าเริ่มต้น โดยดำเนินการแบบกำหนดอะเรย์ 2 มิติ
Linked Lists
ลิงค์ลิสต์เป็นการจัดเก็บชุดข้อมูลเชื่อมโยงต่อเนื่องกันไปตามลำดับ ซึ่งอาจอยู่ในลักษณะแบบเชิงเส้นตรง (linear) หรือ ไม่เป็นเส้นตรง (nonlinear) ก็ได้ ซึ่งในลิสต์จะประกอบไปด้วยข้อมูลที่เรียกว่าโหนด (node) ในหนึ่งโหนดจะประกอบด้วยส่วนของข้อมูลที่ต้องการจัดเก็บ เรียกว่าส่วน Info และส่วนที่เป็นพอยน์เตอร์ที่ชี้ไปยังโหนดถัดไป (Link) หรือชี้ไปยังโหนดอื่นๆที่อยู่ในลิสต์ หากไม่มีโหนดที่อยู่ถัดไป ส่วนที่เป็นพอยน์เตอร์หรือ Link จะเก็บค่า NULL หรือ NILL ใช้สัญลักษณ์ ^
การสร้าง Linked list
วิธีสร้าง Linked list คือการนำข้อมูลที่จะจัดเก็บเข้า Linked list เพิ่มตรงโหนดตำแหน่งสุดท้ายของลิสต์ ฉะนั้นจึงต้องมี External พอยน์เตอร์ที่คอยชี้โหนดสุดท้ายของลิสต์ ในที่นี้ใช้ L (Last) ตัวอย่างการสร้าง Linked list จากลิสต์ L = 21 , 5 , 14เริ่มจากการให้ H ชี้ทิ่โหนดตำแหน่งแรก และ L ชี้ทิ่โหนดตำแหน่งสุดท้าย
การลบข้อมูลใน Linked list
การลบข้อมูลที่ต้น list
เนื่องจากขั้นตอนของการลบข้อมูลที่ header นั้นจะมีปัญหาที่ยุ่งยากกว่าเมื่อ design ด้วย oop(java) เราสามารถที่จะแก้ปัญหานี้ได้โดยการใส่ header node ที่ว่าง ๆ ไว้ข้างหน้าของ linked list เพื่อที่จะทำหน้าที่เป็นชี้ว่าเป็นหัวโหนดโดยที่ไม่ต้องมี pointer คอยชี้ที่ header และเมื่อเราต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงข้อมูลใด ๆ บนหัวสามารถที่จะทำได้โดยการแทรก node เข้าไปดังตัวอย่างของการแทรกข้อมูลข้างล่าง
วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2552
DTS04-14-07-2552
สรุปสิ่งที่ได้จากการเรียน เรื่อง Pointer และ Set
Pointer
การกำหนดตัวแปร Pointer จะคล้ายกับการกำหนดตัวแปรชนิดต่างๆ เพียงแต่ต้องมีเครื่องหมาย * หน้าชื่อตัวแปร ดังนี้
int *pt;
char *pt;
ในที่นี้กำหนดให้ pt เป็นตัวแปร Pointer ซึ่งเก็บ Address ของตัวแปรชนิดตัวเลขจำนวนเต็ม
ในเรื่อง Pointer มีเครื่องหมาย 2 ชนิด คือ * และ & เครื่องหมาย * จะให้ค่า ของข้อมูล ซึ่งเก็บอยู่ใน Address โดย Address นี้เก็บ อยู่ในตัวแปร Pointer ซึ่งอยู่หลังเครื่องหมาย * สำหรับเครื่องหมาย & จะให้ค่า Address ของตัวแปรซึ่งอยูหลังเครื่องหมาย &
การประกาศตัวแปรPointerต้องมีระบุตัวดำเนินการ (Operator) เพื่อบอกว่าตัวแปรดังกล่าวเป็นตัวแปรแบบตัวชี้ โดยตัวดำเนินการที่ใช้คือ * และ & เช่น จะประกาศตัวแปรชนิดPointer คือ int *countPtr; ในที่นี้หมายถึง ตัวแปร countPtr ถูกประกาศให้เป็นตัวแปรชนิด Pointer และทำหน้าที่ชี้ (เก็บ Address) ไปยังตำแหน่งที่เก็บค่าจำนวนเต็ม(เป็นชนิดเดียวกับที่เราประกาศไว้ ในที่นี้คือ Integer)
ตัวอย่าง code
int x = 10;
int *xPtr;
xPtr = &x; //ชี้ไปยังตำแหน่ง x
pointer กับ array
pointer และ array มันถูกนำมาอธิบายไว้ด้วยกัน เพราะ pointer กับ array มีหลายอย่างที่คล้ายๆ กัน และอันที่จริงเราสามารถสร้าง array จาก pointer ได้ ซึ่งแม้จะมีข้อเสียที่ใช้งานได้ยากกว่า แต่ก็มีข้อดีที่ทำงานได้เร็วกว่าPointer และ array มักถูกนำมาใช้ร่วมกันอยู่เสมอเนื่องจาก array เป็นข้อมูลในหน่วยความจำที่เรียงติดกันไป เราจึงอาจใช้ pointer เพื่อวนเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้น
Pointer
การกำหนดตัวแปร Pointer จะคล้ายกับการกำหนดตัวแปรชนิดต่างๆ เพียงแต่ต้องมีเครื่องหมาย * หน้าชื่อตัวแปร ดังนี้
int *pt;
char *pt;
ในที่นี้กำหนดให้ pt เป็นตัวแปร Pointer ซึ่งเก็บ Address ของตัวแปรชนิดตัวเลขจำนวนเต็ม
ในเรื่อง Pointer มีเครื่องหมาย 2 ชนิด คือ * และ & เครื่องหมาย * จะให้ค่า ของข้อมูล ซึ่งเก็บอยู่ใน Address โดย Address นี้เก็บ อยู่ในตัวแปร Pointer ซึ่งอยู่หลังเครื่องหมาย * สำหรับเครื่องหมาย & จะให้ค่า Address ของตัวแปรซึ่งอยูหลังเครื่องหมาย &
การประกาศตัวแปรPointerต้องมีระบุตัวดำเนินการ (Operator) เพื่อบอกว่าตัวแปรดังกล่าวเป็นตัวแปรแบบตัวชี้ โดยตัวดำเนินการที่ใช้คือ * และ & เช่น จะประกาศตัวแปรชนิดPointer คือ int *countPtr; ในที่นี้หมายถึง ตัวแปร countPtr ถูกประกาศให้เป็นตัวแปรชนิด Pointer และทำหน้าที่ชี้ (เก็บ Address) ไปยังตำแหน่งที่เก็บค่าจำนวนเต็ม(เป็นชนิดเดียวกับที่เราประกาศไว้ ในที่นี้คือ Integer)
ตัวอย่าง code
int x = 10;
int *xPtr;
xPtr = &x; //ชี้ไปยังตำแหน่ง x
pointer กับ array
pointer และ array มันถูกนำมาอธิบายไว้ด้วยกัน เพราะ pointer กับ array มีหลายอย่างที่คล้ายๆ กัน และอันที่จริงเราสามารถสร้าง array จาก pointer ได้ ซึ่งแม้จะมีข้อเสียที่ใช้งานได้ยากกว่า แต่ก็มีข้อดีที่ทำงานได้เร็วกว่าPointer และ array มักถูกนำมาใช้ร่วมกันอยู่เสมอเนื่องจาก array เป็นข้อมูลในหน่วยความจำที่เรียงติดกันไป เราจึงอาจใช้ pointer เพื่อวนเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้น
วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
DTS03-30-06-2552
อะเรย์ เป็นแบบหนึ่งของโครงสร้างที่เรียกว่า Linear List ซึ่งมีจำนวนรายการ ( Element) จำกัด และข้อมูลที่เก็บอยู่ในอาร์เรย์แต่ละช่องจะต้องเป็นข้อมูลชนิดเดียวกัน อยู่ภายใต้ตัวแปรชื่อเดียวกัน โดยขนาดของแต่ละช่องต้องเท่ากันหมด การอ้างถึงข้อมูลในแต่ละช่องของของอาร์เรย์ ต้องอาศัยตัวห้อย Subscript เช่น กำหนดให้ Array A มีขนาด 100 รายการ A[5] จะหมายถึง ค่าของอาร์เรย์ตำแหน่งที่ 5 ในอาร์เรย์นั้น ซึ่ง Subscript ก็คือ เลข 5 จำนวน Subscript ที่ต้องการใช้เวลาเรียกใช้ค่าใน Array เรียกว่า มิติ ไดเมนชั่น ( Dimention) ของ Array นั้น
ความหมายของอาร์เรย์ โครงสร้างข้อมูลแบบอาร์เรย์ (Array) หรือตัวแปรชุด มี 2 ความหมาย คือ
1. ความหมายโดยทั่วไปอาร์เรย์ หมายถึงโครงสร้างที่นำข้อมูลชนิดเดียว กันมาจัดเรียงกันเป็น n มิติเป็นโครงสร้าง ตารางรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
2. ความหมายทางคอมพิวเตอร์อาร์เรย์ หมายถึง กลุ่มของช่วงความจำ ในหน่วยความที่ใช้เก็บข้อมูลชนิดเดียวกันและ ทุกช่องต้องมีขนาดเท่ากัน ภายใต้ตัวแปรเดียวกัน
การสร้าง Array ขึ้นมาใช้งานนั้น ต้องคำนึงถึง
1. ชื่อของ Array
2. ขนาดของ Array แต่ละช่อง และมิติของ Array
3. ค่าสูงสุด ( Upper Bound) และค่าต่ำสุด (Lower Bound) ในแต่ละมิติ
ARRAY 1 มิติ คือ Array ที่มีลักษณะเป็นตารางแถวเดียว Array 1 มิติ
รูปแบบ data-type array-name[expression]
Data-type คือประเภทของข้อมูลอะเรย์
Array-name คือชื่อของอะเรย์
Expression คือนิพจน์จำนวนเต็มซึ่งระบุจำนวนสมาชิกของอะเรย์
อาร์เรย์2มิติ อาร์เรย์ 2 มิติ คือ อาร์เรย์ที่มีลักษณะที่เป็นตารางที่มี 2 ด้าน คือ ทางด้านแนวนอน ( ROW) และแนวตั้ง ( COLUMN) มีจำนวนช่องเท่ากับ จำนวนช่องทางด้านแนวนอน ( ROW) คูณกับจำนวนช่องทางด้านแนวตั้ง ( COLUMN) การอ้างถึง Array 2 มิติ ต้องใช้ Subscript 2 ตัว คือ ROW และ COLUMN
รูปแบบ type array-name[n][m];
Type คือชนิดของตัวแปรที่ต้องประกาศเป็นอะเรย์
Array-name คือชื่อขงอตัวแปรที่ต้องการประกาศเป็นอะเรย์
n คือตัวเลขที่แสดงตำแหน่งแถว
m คือตัวเลขที่แสดงตำแหน่งของคอลัมน์
structure
การนิยาม structure
รูปแบบ struct struc-name{
Type name-1;
Type name-2;
……..
Type name-n;
}struc-variable;
ความหมายของอาร์เรย์ โครงสร้างข้อมูลแบบอาร์เรย์ (Array) หรือตัวแปรชุด มี 2 ความหมาย คือ
1. ความหมายโดยทั่วไปอาร์เรย์ หมายถึงโครงสร้างที่นำข้อมูลชนิดเดียว กันมาจัดเรียงกันเป็น n มิติเป็นโครงสร้าง ตารางรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
2. ความหมายทางคอมพิวเตอร์อาร์เรย์ หมายถึง กลุ่มของช่วงความจำ ในหน่วยความที่ใช้เก็บข้อมูลชนิดเดียวกันและ ทุกช่องต้องมีขนาดเท่ากัน ภายใต้ตัวแปรเดียวกัน
การสร้าง Array ขึ้นมาใช้งานนั้น ต้องคำนึงถึง
1. ชื่อของ Array
2. ขนาดของ Array แต่ละช่อง และมิติของ Array
3. ค่าสูงสุด ( Upper Bound) และค่าต่ำสุด (Lower Bound) ในแต่ละมิติ
ARRAY 1 มิติ คือ Array ที่มีลักษณะเป็นตารางแถวเดียว Array 1 มิติ
รูปแบบ data-type array-name[expression]
Data-type คือประเภทของข้อมูลอะเรย์
Array-name คือชื่อของอะเรย์
Expression คือนิพจน์จำนวนเต็มซึ่งระบุจำนวนสมาชิกของอะเรย์
อาร์เรย์2มิติ อาร์เรย์ 2 มิติ คือ อาร์เรย์ที่มีลักษณะที่เป็นตารางที่มี 2 ด้าน คือ ทางด้านแนวนอน ( ROW) และแนวตั้ง ( COLUMN) มีจำนวนช่องเท่ากับ จำนวนช่องทางด้านแนวนอน ( ROW) คูณกับจำนวนช่องทางด้านแนวตั้ง ( COLUMN) การอ้างถึง Array 2 มิติ ต้องใช้ Subscript 2 ตัว คือ ROW และ COLUMN
รูปแบบ type array-name[n][m];
Type คือชนิดของตัวแปรที่ต้องประกาศเป็นอะเรย์
Array-name คือชื่อขงอตัวแปรที่ต้องการประกาศเป็นอะเรย์
n คือตัวเลขที่แสดงตำแหน่งแถว
m คือตัวเลขที่แสดงตำแหน่งของคอลัมน์
structure
การนิยาม structure
รูปแบบ struct struc-name{
Type name-1;
Type name-2;
……..
Type name-n;
}struc-variable;
วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
DTS02-23-06-2552
#include
#include
int main(void)
{
struct fan{
char series[20];
char brand[10];
float price;
char color[10];
float weight;
float tall;
float power;
char type[20];
}
product;
strcpy(product.series,"SonyE700");
strcpy(product.brand,"SONY");
product.price=750;
strcpy(product.color,"Green");
product.weight=2.5;
product.tall= 125;
product.power=100;
strcpy(product.type,"floor");
printf("Series : %s\n Brand : %s\n Price : %f\n Color : %s\n Weight : %f\n Tall : %f\n Power :%f\n Type : %s\n",
product.series,product.brand,product.price,product.color,product.weight,product.tall,product.power,product.type);
return 0;
}
#include
int main(void)
{
struct fan{
char series[20];
char brand[10];
float price;
char color[10];
float weight;
float tall;
float power;
char type[20];
}
product;
strcpy(product.series,"SonyE700");
strcpy(product.brand,"SONY");
product.price=750;
strcpy(product.color,"Green");
product.weight=2.5;
product.tall= 125;
product.power=100;
strcpy(product.type,"floor");
printf("Series : %s\n Brand : %s\n Price : %f\n Color : %s\n Weight : %f\n Tall : %f\n Power :%f\n Type : %s\n",
product.series,product.brand,product.price,product.color,product.weight,product.tall,product.power,product.type);
return 0;
}
วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2552
ประวัติ
นายกำจรเดช แสงคำ รหัสนักศึกษา 50172792046
Mr.kamjorndech Seangkum
หลักสูตร : การบริหารธุรกิจ(คอมพิวเตอร์ธุรกิจ)
มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต
E-mail : u50172792046@gmail.com
: dech_ap@hotmail.com
Mr.kamjorndech Seangkum
หลักสูตร : การบริหารธุรกิจ(คอมพิวเตอร์ธุรกิจ)
มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต
E-mail : u50172792046@gmail.com
: dech_ap@hotmail.com
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)